ทำใบรับประกันสินค้า กับ 4 ขั้นตอนการออกแบบง่ายๆ?
หากแบรนด์ใดขายสินค้าประเภท เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือ เครื่องประดับแบรนด์ที่มีราคาสูงอย่าง นาฬิกา ซึ่งนับว่าเป็นสินค้าที่จำเป็นต้อง ทำใบรับประกันสินค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และ สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่า สินค้าแบรนด์ของคุณมีทั้งประสิทธิภาพ และ มีความคงทนสามารถใช้ได้ยาวนาน โดยเหตุผลที่สินค้าจำเป็นต้องมี ใบประกันสินค้า ก็เพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจในการซื้อ และ เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของตัวสินค้าให้ลูกค้าอุ่นใจว่า เงินที่ลูกค้าเสียไปจะคุ้มค่ากับคุณภาพสินค้าที่พวกเขาได้มา
นอกจากนี้ ใบรับประกันสินค้า ยังเป็นเครื่องมือยืนยันได้ว่า ลูกค้ารายดังกล่าวได้ทำการซื้อสินค้ากับทางแบรนด์จริง ซึ่งหากมีข้อผิดพลาด หรือ เกิดความเสียหายขึ้น ทางแบรนด์จะได้รับผิดชอบ และ เปลี่ยนสินค้าชิ้นใหม่ให้กับลูกค้า โดยที่แบรนด์จะไม่เสียความชื่อเสียง และ เสียความไว้วางใจจากลูกค้า ส่งผลให้แบรนด์ยังคงรักษาลูกค้าทั้งรายใหญ่ และ รายย่อยไว้ได้
จะเห็นได้ชัดว่า การที่สินค้าอย่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่มีการรับประกันสินค้า ก็คงจะดึงดูดความสนใจให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้ยาก ดังนั้นทุกแบรนด์จึงต้องให้ความสำคัญกับการรับประกันสินค้า เพื่อสร้างหลักประกันว่า สินค้า ของแบรนด์มีทั้งคุณภาพ และ มาตรฐานที่ดี จึงสอดคล้องกับเหตุผลที่ทุกแบรนด์ต้องใช้ ใบรับประกันสินค้า
แต่ ใบรับประกันสินค้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ว่านั้น จะเลือกออกแบบอย่างไรดี ต้องตามไปดูพร้อมกันว่า ขั้นตอนการออกแบบจะมีอะไรบ้าง?!
ทำใบรับประกันสินค้า กับ 4 ขั้นตอนง่ายๆ?
เลือกประเภทสินค้าที่จะ ทำใบรับประกันสินค้า
ก่อนที่คุณจะเริ่มออกแบบ ใบรับประกันสินค้า คุณต้องรู้ก่อนว่า สินค้าประเภทไหน ที่จำเป็นต้องมีใบรับประกัน เช่น สินค้าอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น ทีวี ตู้เย็น หม้อหุงข้าว เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น จักรยานไฟฟ้า หรือจะเป็นเก้าอี้นวด รวมทั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ อย่าง หูฟัง ลำโพง กล้องถ่ายรูป เครื่องปริ้น เครื่องออกกำลังกาย และเครื่องพ่นไอน้ำ เป็นต้น
แต่นอกเหนือจาก เครื่องใช้ไฟฟ้า แล้ว สินค้าประเภทอื่น ๆ ที่ต้องอาศัย ใบรับประกันสินค้า เพื่อบำรุงรักษา หรือ เปลี่ยนสินค้าคืน อย่าง อุปกรณ์กีฬา รองเท้า เครื่องประดับ กระเป๋า และ เครื่องดนตรี ฯลฯ
เมื่อคุณทราบแล้วว่า สินค้าประเภทไหน จำเป็นต้องมี ใบรับประกันสินค้า ให้คุณมองย้อนกลับไปดูสินค้ารายการนั้น ๆ ว่า มีรายละเอียดจุดใดบ้างที่ควรจะครอบคลุมอยู่ในการรับประกัน เพื่อที่คุณจะได้ระบุข้อมูล ข้อตกลง และเงื่อนไขต่าง ๆ ใน ใบรับประกันสินค้า ได้อย่างละเอียดและครบถ้วน
เลือกประเภทของ ใบรับประกันสินค้า
ต่อมาเมื่อคุณทราบดีแล้วว่า ต้องการทำ ใบรับประกัน สินค้าอะไร ก็มาถึงขั้นตอนการเลือก ประเภทของ ใบรับประกันสินค้า กันบ้าง ซึ่งต้องเรียนก่อนว่า สามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน มีทั้งแบบใบเดียว และ 2 ใบ แต่คุณจะเลือกออกแบบใบรับประกันสินค้าเป็นแบบไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และ ความเหมาะสมของสินค้าประเภทนั้น ๆ
ซึ่งถ้าแบรนด์คุณจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า แนะนำให้เลือกพิมพ์ ใบรับประกันสินค้า ที่มีทั้งส่วนของลูกค้า และ ส่วนของแบรนด์ เพื่อที่จะง่ายต่อการตรวจสอบ และ ง่ายต่อการดำเนินการให้บริการมากกว่า ทั้งทางแบรนด์และทางลูกค้าจะได้มีหลักประกันทั้งสองฝ่าย และไม่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียผลประโยชน์
เลือกกระดาษที่จะใช้ ทำใบรับประกันสินค้า
เมื่อเลือกประเภทของ ใบรับประกันสินค้า ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือ การเลือกกระดาษที่จะใช้พิมพ์ ใบรับประกัน ซึ่งประเภทของกระดาษที่ใช้พิมพ์ใบรับประกันสินค้านั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกระดาษการ์ดขาวที่มีความหนาอยู่ที่ 160 แกรม แต่หากลูกค้าท่านใดไม่ต้องการใบรับประกันสินค้าที่มีความหนามากนัก ก็สามารถเลือกใช้เป็นกระดาษที่เราใช้ปริ้นทั่วไปได้เลย โดยความหนาจะหนาเท่ากับกระดาษที่ใช้ถ่ายเอกสารที่เราใช้กันเป็นประจำ
แต่นอกจากกระดาษที่ได้กล่าวไป หากลูกค้ามีความประสงค์ที่จะใช้กระดาษประเภทอื่นอย่าง กระดาษคราฟน้ำตาล หรือ กระดาษปอนด์ ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าว่าต้องการจะเลือกใช้กระดาษแบบใด
เลือกขนาด และ จำนวนของ ใบรับประกันสินค้า
หลังจากที่เลือกกระดาษของ ใบรับประกันสินค้า เสร็จแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายอย่างการเลือกขนาด และ ระบุจำนวนในการสั่งพิมพ์ ใบประกันสินค้า ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่า ขนาดของใบรับประกันสินค้า จะไม่มีขนาดที่ตายตัว โดยคุณลูกค้าสามารถที่จะออกแบบขนาดได้ตามความต้องการ และ ตามความเหมาะสมของตัวสินค้า
เช่น หากสินค้ามีขนาดค่อนข้างใหญ่ ใบรับประกันสินค้า ก็ไม่ควรที่จะมีขนาดที่เล็กจนเกินไป เพื่อให้ลูกค้าสังเกตเห็นได้ง่าย และ ยากต่อการสูญหาย แต่ถ้าหากสินค้าแบรนด์คุณเป็นสินค้าชิ้นเล็ก ก็อาจจะเลือกพิมพ์ ใบรับประกัน ที่มีขนาดเล็กลง ขนาดเดียวกับ การ์ด และ นามบัตร เพื่อให้บรรจุลงใน กล่องบรรจุภัณฑ์ รวมกับสินค้าได้
ส่วนเรื่องของจำนวนในการ พิมพ์ใบรับประกันสินค้า คุณควรระบุจำนวนให้แน่ชัดว่า ต้องการที่จะสั่งพิมพ์ใบรับประกันสินค้าอยู่ที่จำนวนเท่าไหร่ เพื่อให้ง่ายต่อการประเมินราคา แต่ถ้าคุณเลือก พิมพ์ออฟเซ็ท แนะนำเลยว่าให้พิมพ์จำนวน 10,000 ใบพิมพ์ขึ้นไป เพราะคุณจะสามารถลดต้นทุนในการพิมพ์ไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
สรุป
เมื่อคุณได้เลือกออกแบบ ใบรับประกันสินค้า ตาม 4 ขั้นตอนที่ได้กล่าวไป และมีรายละเอียดต่าง ๆ ครบถ้วน จะทำให้คุณติดต่อสื่อสารกับทางโรงพิมพ์ได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และยังทำให้ ใบประกันสินค้า แบรนด์คุณไม่ขาดตกบกพร่อง หรือ ขาดข้อมูลบางประการไป
หากต้องการพิมพ์ ใบรับประกันสินค้า ที่ได้มาตรฐาน สีคมชัด เสร็จตรงเวลา
ต้องเลือกใช้บริการจาก Europrinting
เพราะเราเชี่ยวชาญด้านงานพิมพ์ทุกชนิด ด้วยระบบการพิมพ์ออฟเซ็ท พร้อมกับประสบการณ์มากกว่า 25 ปี ที่จะคอยดูแล แนะนำ และมอบประสบการณ์ดี ๆ ให้กับทางลูกค้าผ่านงานที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ และเสร็จตรงเวลา อีกทั้งเรายังใส่ใจทุกรายละเอียดในทุก ๆ ขั้นตอน โดยจะมีการตรวจสอบคุณภาพงานอย่างเข้มงวดก่อนที่จะส่งงานให้กับลูกค้า ซึ่งทางลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่างานที่ออกมาจะได้มาตรฐานและตรงความต้องการของลูกค้ามากที่สุด โดยไม่ว่างานพิมพ์ ใบรับประกันสินค้า จะมีการออกแบบและจัดวางทั้งลวดลาย สี รูปทรง หรือข้อความตัวอักษร มาในรูปแบบไหน ทางเรารับรองว่างานที่ได้ออกมานั้นจะตรงกับแบบที่ท่านต้องการแน่นอน
”เราไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการ พร้อมที่จะดูแล แนะนำ และมอบประสบการณ์ดี ๆ ให้กับทุกคน”
สามารถติดต่อสอบถาม Euro printing ทางช่องทางอื่นได้ที่
Facebook : Euro printing
Instagram : Euro.printing
Line : @Europrinting
Call : 065-359-3959